บทความ

กำลังแสดงโพสต์ที่มีป้ายกำกับ กุศลกรรมบถ ๑๐

สังสารวัฏนี้ หาที่สุดเบื้องต้น เบื้องปลายไม่ได้

รูปภาพ
สวัสดีครับคุณผู้ชมคุณผู้ฟังทุกท่าน ที่ติดตามรับชมภูริฟิล์ม ธรรมะ ๑ นาที คลิบนี้เสนอตอน สังสารวัฏนี้ หาที่สุดเบื้องต้น เบื้องปลายไม่ได้ พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า... ดูกรภิกษุทั้งหลาย สงสารนี้ กำหนดที่สุดเบื้องต้น เบื้องปลายไม่ได้ เมื่อเหล่าสัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นที่กางกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องประกอบไว้ ท่องเที่ยวไปมาอยู่ ที่สุดเบื้องต้นย่อมไม่ปรากฏฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เหมือนอย่างว่า บุรุษตัดทอนหญ้า ไม้กิ่ง ไม้ใบ ไม้ในชมพูทวีปนี้ แล้วจึงรวมกันไว้ ครั้นแล้ว พึงกระทำให้เป็นมัดๆ ละ ๔ นิ้ว วางไว้ สมมติว่า นี้เป็นมารดาของเรา นี้เป็นมารดาของมารดาของเรา โดยลำดับมารดาของมารดาแห่งบุรุษนั้น ไม่พึงสิ้นสุด ส่วนว่า หญ้า ไม้กิ่ง ไม้ใบ ไม้ในชมพูทวีปนี้ พึงถึงการหมดสิ้นไป. พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๖ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๘ สังยุตตนิกาย นิทานวรรค อนมตัคคสังยุตต์ ปฐมวรรคที่ ๑ พึ่งตนพึ่งธรรม นำชีวิตออกจากทุกข์ ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่าน ที่มีส่วนร่วมในการจัดทำคลิบนี้ และรับชมคลิบนี้ สาธุครับ

สิ่งที่ควรทำ และไม่ควรทำ (กุศลกรรมบถ ๑๐, อกุศลกรรมบถ ๑๐)

รูปภาพ
สวัสดีครับคุณผู้ชมคุณผู้ฟังทุกท่าน ที่ติดตามรับชมภูริฟิล์ม ธรรมะ ๑ นาที คลิบนี้เสนอตอน กุศลกรรมบถ ๑๐ และอกุศลกรรมบถ ๑๐ พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า... กุศลกรรมบถ ๑๐ เป็นเหตุให้ เทวดาปรากฏ เป็นเหตุให้ มนุษย์ปรากฏ สุคติใดๆ แม้อื่นอีก ย่อมมี ซึ่งแบ่งออกเป็น กายกรรม ๓ ประการ คือ ๑. ไม่ฆ่า หรือทำลายชีวิตผู้อื่น ๒. ไม่ลักขโมย ไม่เอาทรัพย์ของผู้อื่น มาเป็นของตน ๓. ไม่ประพฤติผิดในกาม ส่วนวจีกรรม(หรือสัมมาวาจา) มี ๔ ประการ คือ ๔. ไม่พูดเท็จ ๕. ไม่พูดส่อเสียด ๖. ไม่พูดคำหยาบคาย ๗. ไม่พูดเพ้อเจ้อ ส่วนมโนกรรม ๓ ประการ คือ ๘. ไม่โลภอยากได้ของคนอื่น ๙. ไม่คิดพยาบาทปองร้ายผู้อื่น ๑๐. เห็นชอบตามคลองธรรม ส่วนอกุศลกรรมบถ ๑๐ เป็นเหตให้นรกปรากฏ กำเนิดเดรัจฉานย่อมปรากฏ เปรตวิสัยย่อมปรากฏ ทุคติใดๆ แม้อื่นอีก ย่อมมี ซึ่งกายกรรมมี ๓ ประการ คือ ๑. ฆ่า หรือทำลายชีวิตผู้อื่น ๒. ลักขโมย เอาทรัพย์ของผู้อื่นมาเป็นของตน ๓. ประพฤติผิดในกาม ส่วนวจีกรรมมี ๔ ประการ (หรือมิจฉาวาจา) คือ ๔. พูดเท็จ ๕. พูดส่อเสียด ๖. พูดคำหยาบคาย ๗. พูดเพ้อเจ้

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ความเข้าใจผิดในเรื่องกรรม มิจฉาทิฏฐิเรื่องกรรม ๔ แบบ

ความหมายของคำว่า "สัตว์" ที่พระพุทธเจ้าท่านเรียกว่า ผู้มีอวิชชา หรือผู้หลง

เต่าตาบอด โอกาสในการเกิดเป็นมนุษย์นั้นยาก

การทำงานของจิต ที่มีรูป เวทนา สัญญา สังขาร เป็นอารมณ์

ฐานะ ๕ ประการ ที่ใครๆ ไม่อาจได้ตามปรารถนา

เจริญสมาธิ ได้ชื่อว่ากำลังโน้มเอียงไปสู่นิพพาน

พระตถาคตเกิดขึ้น แสดงธรรม เพื่อความรำงับ ดับ รู้

รักใครชอบใคร จงสงเคราะห์ด้วยการให้รู้อริยสัจ ๔

ทิ้งเสียนั่นแหละ กลับจะเป็นประโยชน์

ฤกษ์ดี มงคลดี สว่างดี รุ่งดี ขณะดี ยามดี ตามคำสอนพระพุทธเจ้า